ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (5 พ.ย.) ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบในวันอังคาร (4 พ.ย.) หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนว่า ตลาดหุ้นอาจเข้าสู่ภาวะปรับฐาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป และอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,878.80 จุด ลดลง 73.60 จุด หรือ -0.28%
เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของธนาคาร Goldman Sachs กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานลงราว 10-20% ภายในเวลา 12-24 เดือนข้างหน้า" ขณะที่ เท็ด พิค ซีอีโอของธนาคาร Morgan Stanley กล่าวว่า "เราควรเตรียมตัวรับมือการปรับฐานราว 10-15% ซึ่งไม่ได้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจระดับมหภาค"
คำกล่าวของซีอีโอทั้งสองเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan Chase เคยเตือนในเดือนต.ค.ว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับการปรับฐานลงอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลา 6 เดือนถึง 2 ปีข้างหน้า โดยอ้างถึงปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
คำเตือนของซีอีโอธนาคารรายใหญ่ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาด หลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากกระแสความเฟื่องฟูของปัญญาประดิษฐ์ (AI)