ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่สูงกว่าคาด
อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ยังคงปรับตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 43.25 จุด หรือ 0.09% สู่ระดับ 47,128.49 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลบ 0.10% และ 0.23% ตามลำดับ
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 22,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 29,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี เช่นเดียวกับในเดือนก.ย.
ราคาหุ้น AMD ดิ่งลง 2% ในวันนี้ แม้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ร่วงลงกว่า 200 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งลงกว่า 1% และดัชนี Nasdaq รูดลงกว่า 2% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ต่างดิ่งลง นำโดยหุ้น Palantir Technologies บริษัทซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งทรุดตัวลง 8% ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่แพงเกินจริง
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาศาลฎีกาสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดทำการไต่สวนในวันนี้ (5 พ.ย.) ต่อคดีที่ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนมาตรการภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของเขา โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 1977
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตลาดการเงินก็อาจเกิดความปั่นป่วน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรสหรัฐ เพราะรัฐบาลอาจต้องคืนเงินภาษีมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ที่เก็บไปแล้ว และจะสูญเสียรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี