ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ (7 พ.ย.) โดยเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จนทรุดตัวหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 50,000 จุดไปชั่วขณะ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนว่าตลาดได้ทะยานขึ้นมาร้อนแรงเกินไปในระยะเวลาอันสั้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 50,276.37 จุด ลดลง 607.31 จุด หรือ -1.19%
กลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุดได้แก่ กลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มเครื่องจักร
ดัชนีนิกเกอิร่วงลงกว่า 1,200 จุดในบางช่วงของการซื้อขาย เนื่องจากหุ้นน้ำหนักสูงในกลุ่มผู้ผลิตชิปและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก หลังจากที่หุ้นในกลุ่มเดียวกันของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างโดดเด่น ได้แก่ หุ้น Advantest ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบชิป ที่ดิ่งลง 5.5% แตะ 19,960 เยน และหุ้น Softbank Group ที่ร่วงลง 6.9% แตะ 21,700 เยน
มาซาฮิโระ อิชิกาวะ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของบริษัทซูมิโตโม มิตซุย ดีเอส แอสเซต แมเนจเมนต์ ให้ความเห็นว่า "เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็วมากนับตั้งแต่เดือนต.ค. จึงมองว่าการร่วงลงเป็นเพียงการปรับฐานเพื่อลดความร้อนแรงเท่านั้น ไม่ใช่สัญญาณของภาวะฟองสบู่แตกในกลุ่มหุ้น AI ของสหรัฐฯ แต่อย่างใด"
อิชิกาวะกล่าวเสริมว่า "แม้ว่าเราจะได้เห็นความผันผวนอย่างมากในตลาดช่วงที่ผ่านมา แต่คิดว่าการปรับฐานในระดับหนึ่งจะช่วยให้หุ้นเหล่านี้สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น"
บรรดาโบรกเกอร์ระบุว่า ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากการปิดลบของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ได้จุดชนวนความหวั่นวิตกว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีสามารถลดช่วงลบลงได้ในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นหลังจากที่ดัชนีนิกเกอิทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 50,000 จุด
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุก หลังจากที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐบาลจะทำการทบทวนเป้าหมายการจัดทำงบประมาณเกินดุลขั้นต้น (primary balance surplus)