ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น กระทบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและการท่องเที่ยวโดยตรง ขณะเดียวกัน ความกังวลต่อสถานะทางการคลังของประเทศที่ส่อเค้าเสื่อมถอยภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มีการเทขายเงินเยนและพันธบัตรรัฐบาล
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 50,323.91 จุด ลดลง 52.62 จุด หรือ -0.10%
หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดได้แก่ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มการขนส่งทางอากาศ และกลุ่มค้าปลีก
โบรกเกอร์ให้ความเห็นว่า หุ้นกลุ่มสำคัญอย่าง Fast Retailing (บริษัทแม่ของยูนิโคล่), กลุ่มห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และธุรกิจการบิน ต่างปรับตัวร่วงลงถ้วนหน้า หลังจากรัฐบาลจีนได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนให้งดเว้นการเดินทางมายังญี่ปุ่น อันเป็นปฏิกิริยาต่อถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวัน
มากิ ซาวาดะ นักกลยุทธ์จากฝ่ายเนื้อหาการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ กล่าวว่า จากการโต้คารมระหว่างสองประเทศที่ยังดำเนินอยู่ "หุ้นของบริษัทที่มีสัดส่วนยอดขายในจีนสูงจึงอาจถูกตลาดมองว่าเป็นความเสี่ยงได้เช่นกัน"
อย่างไรก็ดี การปรับตัวลดลงในภาพรวมยังนับว่าไม่รุนแรงนัก เนื่องจากมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากดัชนีร่วงลงอย่างหนักกว่า 900 จุดเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) ประกอบกับยังมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูลเป็นปัจจัยช่วยพยุงตลาดไว้
ซาวาดะกล่าวว่า ตลาดยังคงอยู่ใน "ภาวะรอดูท่าที" เพื่อจับตาการประกาศผลประกอบการของ Nvidia Corp. บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจคือ บรรดาบริษัทเทคโนโลยีจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้คุ้มค่ากับการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI หรือไม่