ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (21 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 48,653.80 จุด ลดลง 1,170.14 จุด หรือ -2.35%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,300.28 จุด ร่วงลง 535.29 จุด หรือ -2.07% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,857.24 -73.81 (1.88%)
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 3.9% โดยหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Samsung Electronics และ SK Hynix ดิ่งลง 4% และ 9% ตามลำดับ
ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 1.6%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 53,000 ตำแหน่ง ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ในการประชุมเดือนธ.ค. โดยล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนักไม่ถึง 40% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
ด้านกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ