ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด เก็งเฟดหั่นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

ข่าวต่างประเทศ Friday November 21, 2025 23:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด หลังนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณหนุนเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 275.61 จุด หรือ 0.60% สู่ระดับ 46,027.87 จุด

Eli Lilly กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นบริษัทผลิตยาแห่งแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะระดับดังกล่าว ซึ่งแต่เดิมมักมีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเท่านั้นที่ครองสถิตินี้ได้

ราคาหุ้น Eli Lilly พุ่งขึ้นมากกว่า 36% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายของ Zepbound ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนัก และ Mounjaro ซึ่งเป็นยารักษาเบาหวาน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ดิ่งลงเกือบ 400 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากพุ่งขึ้นในช่วงแรกขานรับผลประกอบการของบริษัท Nvidia

นักวิเคราะห์มองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวานนี้ ไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ทิศทางขาลงของตลาด แต่เป็นเพียงการพักฐานตามปกติ หลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปีนี้

นักลงทุนพากันเทน้ำหนักมากกว่า 70% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 39.1% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 26.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 60.9% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายวิลเลียมส์

ทั้งนี้ นายวิลเลียมส์กล่าวในวันนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันได้ เนื่องจากความอ่อนแอของตลาดแรงงานถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าปัญหาเงินเฟ้อ

'ผมมองว่านโยบายการเงินอยู่ในระดับที่เข้มงวดเล็กน้อย แม้จะน้อยกว่าก่อนที่เราจะดำเนินการล่าสุด ดังนั้น ผมมองว่าเฟดยังคงมีช่องว่างสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้เข้าสู่เป้าหมาย โดยนำจุดยืนด้านนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายทั้งสองประการของเรา' นายวิลเลียมส์กล่าว โดยเป้าหมายทั้งสองประการของเฟดคือ การรักษาเสถียรภาพด้านราคา และการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53,000 ตำแหน่ง หลังการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวที่ระดับ 4.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ