ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (26 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร (25 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอลง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,012.25 จุด เพิ่มขึ้น 352.73 จุด หรือ +0.72%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,046.74 จุด เพิ่มขึ้น 152.19 จุด หรือ +0.59% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,867.43 จุด ลดลง 2.59 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดพุ่งขึ้น 1.2% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.67%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ด้าน Conference Board เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลง 6.8 จุด สู่ระดับ 88.7 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 93.2 โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้ในภาคครัวเรือนและตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนแอลงและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อก็ชะลอตัวลงด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เทียบกับระดับ 50% ในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 65% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนม.ค.ปีหน้า
กระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีน้ำหนักมากขึ้น หลังจากสื่อรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวเก็งที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่แทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะครบวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยนักลงทุนมองว่าแฮสเซตต์มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงตามความต้องการของปธน.ทรัมป์
ด้านสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกระบวนการสรรหาประธานเฟดคนใหม่แทนพาวเวล กล่าวว่า มีโอกาสสูงมากที่ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ก่อนวันคริสต์มาส