ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (26 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเหมืองแร่ หลังเรเชล รีฟส์ รมว.คลังอังกฤษ ประกาศงบประมาณที่มุ่งเพิ่มรายได้จากภาษี
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,691.58 จุด เพิ่มขึ้น 82.05 จุด หรือ +0.85%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสองสัปดาห์ หลังรีฟส์เสนอร่างงบประมาณที่จะเก็บภาษีจากคนทำงาน ผู้ที่ออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ และจากนักลงทุนมากขึ้น เพื่อให้รัฐบาลมีช่องว่างทางการเงินมากพอที่จะทำตามเป้าหมายการกู้ยืมของตัวเอง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 30 ปี ซึ่งอ่อนไหวต่อความกังวลด้านการคลังระยะยาว ลดลง 0.105% สู่ระดับ 5.21% ซึ่งเป็นการลดลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. บ่งชี้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ขานรับแผนงบประมาณนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดตอบรับเชิงบวกเพราะรัฐมนตรีคลังเพิ่มกันชนทางการคลังเกือบเท่าตัว ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในตลาดพันธบัตร
หุ้นธนาคารขนาดใหญ่พุ่งขึ้น 2.1% โดยหุ้น Standard Chartered พุ่ง 2.8% และหุ้น Barclays พุ่ง 3.2% หลังการเปิดเผยงบประมาณมีการงดเว้นการจัดเก็บภาษีใหม่ที่มุ่งเป้าเฉพาะภาคธนาคาร
หุ้นผู้ผลิตโลหะมีค่าพุ่งขึ้น 5.1% หลังราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าสัปดาห์ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอซึ่งช่วยหนุนความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยในเดือนหน้า
หุ้น Fresnillo พุ่ง 5.2%, หุ้น Endeavour Mining พุ่ง 4.8% และหุ้น Hochschild พุ่งขึ้น 6%
หุ้นเหมืองโลหะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นราว 1.5% ตามราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้น Anglo American พุ่ง 3.2% และหุ้น Antofagasta พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง 1% หลังงบประมาณล่าสุดเพิ่มภาษีทรัพย์สินมูลค่าสูง โดยหุ้น Berkeley Group ร่วงลง 2.9%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้แรงหนุนจากการพูดคุยเรื่องสันติภาพรัสเซียยูเครนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าตามกรอบข้อเสนอที่สหรัฐฯ สนับสนุน
หุ้นกลุ่มอากาศยานและป้องกันประเทศปรับตัวขึ้น โดยหุ้น BAE Systems เพิ่มขึ้น 1.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มลดลง 0.7% โดยหุ้น Diageo ติดลบ 1%