ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ (1 ธ.ค.) ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในวันทำการวันแรกของเดือน แม้ยังคงมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงและเงินเยนแข็งค่าขึ้น หลังจากการแสดงความเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 49,407.31 จุด ลดลง 846.60 จุด หรือ -1.68%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,068.05 จุด เพิ่มขึ้น 209.16 จุด หรือ +0.81% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,904.90 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.11% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 0.45%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันส่วนหนึ่งจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า BOJ จะพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ พร้อมระบุถึงความจำเป็นในการปรับระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยไม่ให้ "ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป"
ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินข้อมูลภาคการผลิตของจีน โดยผลสำรวจของภาคเอกชนที่เผยแพร่ในวันนี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ย. เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลงยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน RatingDog China Manufacturing PMI ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global ลดลงแตะระดับ 49.9 ในเดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.5 โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 49.2 ซึ่งแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากระดับของเดือนต.ค. แต่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว