ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดวันศุกร์ (5 ธ.ค.) ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเปิดเผยในเวลา 22.00 น. ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เปิดตลาดบวก 28.66 จุด หรือ +0.06% สู่ระดับ 47,879.6 จุด
รายงาน PCE ฉบับนี้มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้กำหนดทิศทางนโยบายแล้ว ยังเป็นข้อมูลชุดแรกที่จะประกาศออกมาหลังเกิดภาวะสุญญากาศจากเหตุรัฐบาลปิดทำการนาน 43 วัน โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบรายปี และทรงตัวที่ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน
ข้อมูลเงินเฟ้อชุดนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญก่อนเข้าสู่การประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการจะมีความเห็นแตกแยกที่สุดในรอบหลายปีเรื่องการลดต้นทุนการกู้ยืม เนื่องจากกรรมการส่วนใหญ่ต้องการหลักฐานยืนยันว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงสู่เป้าหมาย 2% จริง ประกอบกับตัวเลขตลาดแรงงานในระยะหลังยังไม่ส่งสัญญาณชะลอตัว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนพ.ย. ที่ให้น้ำหนักเพียง 30% และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งภายในเดือนมิ.ย. 2569