ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนลบ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 87.05 จุด หรือ 0.18% สู่ระดับ 48,275.63 จุด
นักลงทุนพากันลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.และมี.ค.2569 หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในวันนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.3% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.2% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของการส่งออกและการใช้จ่ายในภาครัฐก็ได้เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนในสินทรัพย์ถาวรที่ลดลงน้อยกว่าคาดก็เป็นปัจจัยบวกเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ สหรัฐมีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3/2568 ในวันที่ 30 ตุลาคม แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3/2568 ที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ ถือเป็นตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 26 พฤศจิกายน
เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก่อนที่จะมีการขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 2
การหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1 มีสาเหตุจากการนำเข้าที่พุ่งขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจต่างรีบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก่อนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตาม การนำเข้าลดลง 29.8% ในไตรมาส 2 และเป็นปัจจัยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสดังกล่าว
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันที่ 24 ธันวาคม ก่อนปิดทำการในวันที่ 25 ธันวาคมเนื่องในวันคริสต์มาส