ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (24 ธ.ค.) โดยปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกในวันอังคาร (23 ธ.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2568 ที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,481.42 จุด เพิ่มขึ้น 68.55 จุด หรือ +0.14%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดเช้าที่ระดับ 3,929.25 จุด เพิ่มขึ้น 9.27 จุด หรือ +0.24% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ระดับ 25,818.93 จุด เพิ่มขึ้น 44.79 จุด หรือ +0.17% โดยตลาดเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวัน และจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดีดตัวขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 0.33%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2568 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.3% ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2566 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 3.3% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภค
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชียวันนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 ปีในเดือนธ.ค. เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และสกุลเงินวอนที่อ่อนค่าลง
ผลสำรวจของ BOK บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCSI) เดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 109.9 ลดลง 2.5 จุดจากเดือนพ.ย. โดยดัชนี CCSI เดือนธ.ค.ปีนี้ ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบจากความปั่นป่วนทางการเมือง อันเนื่องมาจากการที่อดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึก
อย่างไรก็ดี ดัชนี CCSI เดือนธ.ค.ยังคงสูงกว่าระดับ 100 บ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจ มีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับดังกล่าวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8