ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,401.02 จุด ร่วงลง 129.53 จุด หรือ -0.78% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,080.76 จุด ลดลง 57.30 จุด หรือ -1.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,867.72 จุด ลดลง 16.94 จุด หรือ -0.90%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากบริษัทบางแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และรายงานที่ระบุว่า สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าลดลง 3.6% สู่ระดับ 4.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. จาก 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. โดยยอดส่งออกขยายตัว 2.1% แตะที่ 1.939 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1% แตะที่ 2.343 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดก็อ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอินเตอร์เน็ต โดยในหุ้นกลุ่มการเงินนั้น หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ดิ่งลง 4.14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาสแรกของปีนี้
ส่วนหุ้นในกลุ่มอินเตอร์เน็ตนั้น หุ้นทวิตเตอร์ร่วงลงอย่างหนักถึง 17.81% ขณะที่หุ้นเน็ทฟลิกซ์ หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นอีเทรด ไฟแนนเชียล ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นยาฮูดีดตัวขึ้นสวนทางกับหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอินเตอร์เน็ต หลังจากมีการคาดการณ์ว่าราคาหุ้นไอพีโอของบริษัทอาลีบาบาซึ่งยาฮูถือหุ้นอยู่นั้น จะมีมูลค่าราว 1.68 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทอินเตอร์เน็ตที่มีมูลค่าสูงรองจากกูเกิล อิงค์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาหุ้นไอพีโอที่สูงของอาลีบาบานั้น จะเป็นปัจจัยบวกต่อยาฮูที่กำลังวางแผนจะขายหุ้นราว 22.6% ที่ถืออยู่ในบริษัทอาลีบาบา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนที่ยังคงรุนแรง ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากการปะทะกันระหว่างกองกำลังที่ให้การสนับสนุนรัสเซียและทางการในเมืองต่างๆซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน
ทั้งนี้ สหรัฐและเยอรมนีได้กดดันรัสเซียเพิ่มเติมด้วยการกำหนดให้วันที่ 25 พ.ค.เป็นวันที่จะต้องมีการโหวตว่า จะมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอีกหรือไม่ หากรัสเซียไม่ยอมยุติการให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน