ดัชนีหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ หลังจากผลสำรวจของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) ระบุว่า ยอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าซบเซาลง และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ของสหรัฐชะลอตัวลง
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.80 จุด ลดลง 51.44 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.44 จุด ลดลง 14.12 จุด หรือ -0.68% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน
สำหรับภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกวันนี้ได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า จีนอาจประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายหลังจากที่วานนี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอลง โดยนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีก ซึ่งรวมถึงการลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ประกาศลดดอกเบี้ยไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และค่าใช้จ่ายด้านก่อสร้างเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารจะตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หุ้นแอปเปิลดีดขึ้น 0.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด หลังร่วงหนักสุดในรอบกว่าสองเดือนเมื่อวานนี้