ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 106.38 จุด วิตกแบงก์ชาติสวิสเลิกคุมค่าเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 16, 2015 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมสกุลเงินฟรังก์ ด้วยการยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและผลประกอบการที่ย่ำแย่ของธนาคารในสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,320.71 จุด ร่วงลง 106.38 จุด หรือ -0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,570.82 จุด ลดลง 68.50 จุด หรือ -1.48% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,992.67 จุด ลดลง 18.60 จุด หรือ -0.92%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%

ทั้งนี้ ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 2554 นั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วดิ่งลงถึง 86% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทางธนาคารมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย

ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า กำไรของธนาคารลดลง 11% ในไตรมาส 4 โดยถูกกระทบจากรายได้ที่ลดลงในธุรกิจเทรดดิ้ง และการปล่อยกู้ ขณะที่รายได้จากการซื้อขายพันธบัตรทรุดตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 316,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ม.ค. และดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 6.3 ในเดือนม.ค. จาก 24.3 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 19.9

ผลประกอบการที่ย่ำแย่ส่งผลให้หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.7% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 5.24%

ส่วนหุ้นอินเทล คอร์ป ร่วงลง 1.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมพีซีมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลงรุนแรงถึง 14% หลังจากบริษัทระบุว่า ความต้องการสินค้าจำพวกอิเล็กทรอนิกที่ลดน้อยลงอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีนี้

หุ้นแบล็คเบอร์รี ดิ่งลง 20% หลังจากแบล็คเบอร์รีเปิดเผยว่ายังไม่มีการเจรจาเรื่องการเทคโอเวอร์กับซัมซุง อิเล็กทรอนิก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ