ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 407.18 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,178.91 จุด ลดลง 32.18 จุด หรือ -0.62% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,723.58 จุด ร่วงลง 143.79 จุด หรือ -1.21% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,053.67 จุด เพิ่มขึ้น 25.43 จุด หรือ +0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากผลสำรวจมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนเม.ย.ของยูโรโซน ลดลงแตะ 51.9 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.2 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.2 ในเดือนมี.ค. การเติบโตของกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนอ่อนแรงลงจากระดับสูงสุดในรอ[ 11 เดือนที่ทำไว้เมื่อเดือนมี.ค. ภาวะชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนถึงอัตราการขยายตัวที่ลดต่ำลงในเยอรมนีและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยูโรโซน แม้ว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคมีการเติบโตในอัตราสูงสุดนับแต่เดือนส.ค.2550
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นอิริคสันที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด
หุ้นบิลฟิงเกอร์ ร่วงลง 18% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ เนื่องจากความต้องการพลังงานลดลง
นักลงทุนจับตาดูการเจรจาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากที่รัฐบาลกรีซออกยอมรับว่า ทางรัฐบาลอยู่ในภาวะขาดแคลนเงินสด และการที่กรีซตัดสินใจโอนย้ายเงินสดสำรองจากรัฐบาลท้องถิ่นและหน่วยงานอื่นๆของรัฐบาลนั้น ถือเป็น "การกู้ยืมเงินภายในประเทศ" เพื่อรองรับความต้องการระดมทุนเฉพาะหน้า
ขณะเดียวกัน ข้อตกลงระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ต่างประเทศในเรื่องที่กรีซจะต้องดำเนินการปฏิรูปในด้านต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนกับการรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมนั้น ยังคงไม่คืบหน้า แม้ว่าได้มีการเจรจากันอย่างรอบคอบมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้วก็ตาม