ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,871.35 จุด ร่วงลง 588.40 จุด หรือ -3.57% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,526.25 จุด ดิ่งลง 179.79 จุด หรือ -3.82% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,893.21 จุด ลดลง 77.68 จุด หรือ -3.94%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปกว่า 8% แม้มีรายงานว่าทางการจีนเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ก็ตาม
กระแสความตื่นตระหนกดังกล่าวส่งผลให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กตัดสินใจออกมาตรการเฉพาะกิจ โดยห้ามไม่ให้ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ทำการเผยแพร่เครื่องบ่งชี้ราคาก่อนตลาดเปิด ซึ่งนับเป็นความความพยายามที่จะทำให้ตลาดเปิดการซื้อขายได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้นในวันซื้อขายที่เต็มไปด้วยความผันผวน
นักลงทุนกังวลว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนนั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและจีน โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนส.ค.
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนส.ค. ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกันไคซิน อยู่ที่ระดับ 47.1 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่ระดับ 47.8
ราคาหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเกือบทุกกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 5.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนส.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board และดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์