ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 73.20 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.เดือนนี้, แบงก์ชาติอังกฤษแย้มขึ้นดบ.ปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 11, 2015 06:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบสี่วัน เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยายของธนาคารกลางสหรัฐจะประชุมกันในสัปดาห์หน้า ด้านแบงก์ชาติอังกฤษส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า ชี้เศรษฐกิจยังไม่ถูกกระทบจากวิกฤตจีน

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 73.20 จุด หรือ 1.18% ที่ 6,155.81 จุด

หุ้นอังกฤษปรับตัวลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังคงส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยรายงานการประชุมระบุว่า กรรมการ BoE เห็นพ้องกันว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลกยังไม่ได้ทำให้มุมมองของเศรษฐกิจอังกฤษเปลี่ยนแปลงไป

กรรมการ BoE ระบุว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับผลกระทบที่เศรษฐกิจอังกฤษได้รับจากภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยอมรับว่าความเสี่ยงในช่วงขาลงได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีมติ 8-1 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% วานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเดือนที่ 79 ติดต่อกัน

นายเอียน แมคแคฟเฟอร์ตี เป็นกรรมการเพียงคนเดียวที่ลงมติสวนทางที่ประชุมในวันนี้ โดยเขาลงมติให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75%

นอกจากนี้ MPC ยังมีมติคงวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ (5.76 แสนล้านดอลลาร์)

การประกาศคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในมาตรการ QE ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน BoE เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปีหน้า

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นเอเชียที่กลับมาปรับตัวลดลง หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงสามวันที่ผ่านมา โดยตลาดยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนหันมาจับตาช่วงเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ก่อนที่เฟดจะประชุมในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่มเหมืองเป็นแกนนำหุ้นลบ โดยเกลนคอร์ร่วงหนักสุด 5.3% หลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) คงมุมมองเชิงลบต่อเกลนคอร์ แม้บริษัทเหมืองรายใหญ่ได้ดำเนินมาตรการเพื่อปรับลดหนี้สินลงแล้วก็ตาม

บีเอชพี บิลลิตัน ลบ 5.95% หลังถูกโบรกเกอร์ปรับลดประมาณการผลกำไรของบริษัท เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจะส่งผลกระทบต่อกำไร

หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป ลดลง 4.58% สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 4.09% และอังโกล อเมริกัน ลบ 3.49%

ขณะที่หุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ลดลง 2.84% หลังจากที่ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่เผยกำไรลดลงในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมเผยว่าจะปิดสาขาหลายแห่ง

ส่วนหุ้นบวกนำโดย บาร์รัตต์ ดีเวลอปเมนท์ ซึ่งปรับตัวขึ้น 3.29% หลังจากที่บริษัทรับสร้างบ้านรายงานเมื่อวันพุธว่า บริษัทมีผลกำไรก่อนหักภาษีทั้งปีเพิ่มขึ้น 45% และปีงบการเงินใหม่ก็เริ่มต้นด้วยดี

หุ้นดิกซันส์ คาร์โฟน บวก 1.81% หลังจากที่บริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายงานรายได้เพิ่มขึ้น 8% ในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งดีเกินคาด และส่วนแบ่งในตลาดอังกฤษก็ขยายตัวขึ้น

หุ้นเน็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.3% หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรเพิ่มขึ้น 7.1% ในช่วงครึ่งปีแรก แตะที่ 347 ล้านปอนด์ พร้อมคงคาดการณ์แนวโน้มสำหรับตลอดทั้งปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ