ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 16,087.52 จุด เพิ่มขึ้น 203.61 จุด หรือ 1.28%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ตามการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
ณ เวลา 18.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 5.72% สู่ระดับ 31.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์นี้ในรอบ 3 เดือน และจะเป็นสัปดาห์แรกที่ปรับตัวขึ้นในปีนี้ แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากภาวะน้ำมันล้นตลาด และเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ซึ่งจะฉุดอุปสงค์ในตลาด
นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB แถลงวานนี้ว่า ECB อาจทำการทบทวนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งหน้าในเดือนมี.ค.
คำกล่าวของนายดรากีเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนมี.ค.
เขากล่าวว่า ภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงิน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และตลาดเกิดใหม่ จะเป็นปัจจัยทำให้ ECB มีการปรับนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป
ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 3 ธ.ค.2015 นายดรากีประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB
นายดรากียังระบุว่า ECB จะพิจารณาขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรออกไปอีก หากมีความจำเป็น
นอกจากนี้ ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
ส่วนในการประชุมวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมายของตลาด
นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.3%