ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงจากแรงถ่วงราคาน้ำมัน ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 29, 2016 20:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลงในวันนี้ จากแรงถ่วงของราคาน้ำมันที่ร่วงลง ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้

ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 58 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 17,390 จุด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% ในวันนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่มีการคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์

ณ เวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.69% สู่ระดับ 38.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ ตลาดยังไม่มั่นใจต่อผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. เนื่องจากลิเบียและอิหร่านอาจไม่เข้าร่วมการประชุม

ขณะนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธานเฟด ในคืนนี้ เวลา 23.20 น.ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และตลาดมีความวิตกกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความผันผวนทางการเงิน

นอกจากนี้ นายวิลเลียมส์ยังคาดว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐจะร่วงลงสู่ระดับ 4.5% ในปลายปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% ของเฟดในช่วง 2 ปีข้างหน้า จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และค่าเงินดอลลาร์ที่มีเสถียรภาพ

นายวิลเลียมส์ระบุว่า เขาไม่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ ขณะที่จีนจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวรุนแรง

ก่อนหน้านี้ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์ หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจจะใกล้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่แล้ว หลังจากที่ได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่ทำการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจเล็กน้อย

นายบูลลาร์ดระบุว่า ตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่เดือนธ.ค. และการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย บ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปอาจจะอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าหากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ