ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2559 ที่ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมนัดสำคัญของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน สุดสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ลดลง 21.35 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 6,343.75 จุด สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีพุ่งขึ้น 2.3% โดยเป็นการปรับตัวขึ้น 3 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว
ตัวเลขทางการเผยให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าอัตราขยายตัวที่ 6.8% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยหุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์มีความอ่อนไหวต่อข้อมูลเศรษฐกิจจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศรายใหญ่ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมของบรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสุดสัปดาห์นี้ โดยวาระการประชุมสำคัญของกลุ่มโอเปกและกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก ที่กรุงโดฮา ในวันอาทิตย์นี้ คือการจำกัดการผลิตโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันราคาน้ำมันที่ดิ่งลงไปถึงราว 70% นับตั้งแต่เดือนก.ค.2557
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการทำประชามติในเรื่องที่ว่าอังกฤษควรอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ได้แก่ ผลผลิตภาคการก่อสร้างเดือนก.พ. ซึ่งปรับตัวลง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน นับเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแรงกระตุ้นเศรษฐกิจอังกฤษในช่วงไตรมาสแรกได้อ่อนแรงลง ก่อนการลงประชามติ Brexit ในเดือนมิ.ย.
หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์พุ่งขึ้น 1.6% เป็นแกนนำหุ้นบวก หลังเอบี อินเบฟ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการเพื่อการอนุมัติข้อตกลงเทคโอเวอร์มูลค่า 7.1 หมื่นล้านปอนด์
หุ้นแมน กรุ๊ป บวก 7.2% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกแข็งแกร่ง
ด้านทราวิส เพอร์กินส์ เป็นแกนนำหุ้นลบ โดยหุ้นร่วงลง 4.62% ขณะที่หุ้นบาร์รัตต์ ดีเวลอปเมนท์ ลดลง 4.6% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ได้สร้างแรงกดดันต่อบรรดาบริษัทรับสร้างบ้าน
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงเช่นกัน เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 1.7% หุ้นริโอ ทินโต ลบ 0.72%