ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันทำการที่ 9 ติดต่อกัน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
ณ เวลา 20.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,584.00 จุด เพิ่มขึ้น 23.69 จุด หรือ 0.12%
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่กลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน
มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ในวันนี้ โดยอยู่ในระดับสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่ามีกำไร 75 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ ทางธนาคารยังรายงานรายได้ที่ระดับ 8.9 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3 พันล้านดอลลาร์
บริษัทไมโครซอฟท์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีกว่าคาด โดยระบุว่ามีกำไร 69 เซนต์/หุ้นในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังรายงานรายได้ที่ระดับ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.21 หมื่นล้านดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้
ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันในตลาด
ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 45 เซนต์ หรือ 1.01% สู่ระดับ 44.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ว่า หลังเมื่อวานนี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ในส่วนของสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปนั้น สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 805,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันดีเซลลดลง 484,000 บาร์เรล