ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 46.23 จุด เหตุตลาดผิดหวัง ECB,หุ้นแอปเปิลร่วงหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 9, 2016 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นแอปเปิล หลังจากกระแสตอบรับการเปิดตัว "ไอโฟน 7" เริ่มแผ่วลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,479.91 จุด ลดลง 46.23 จุด หรือ -0.25% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,259.48 จุด ลดลง 24.45 จุด หรือ -0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.30 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ -0.22%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากที่ประชุม ECB ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2017 และ 2018 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับ ECB คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลง 2.6% หลังจากกระแสตอบรับการเปิดตัว "ไอโฟน 7" เริ่มซาลง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายทิม คุก ผู้บริหารแอปเปิลได้เปิดตัวทั้งไอโฟน 7, แอปเปิล วอทช์ ซีรีส์ 2 ซึ่งสามารถเปิดใช้แอพพลิเคชั่น Pokemon Go และการเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนสามารถดาวน์โหลดเกม Super Mario จาก App Store

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด ดิ่งลง 3.2% หลังจากบริษัทตกลงขายธุรกิจซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทไมโคร โฟกัส มูลค่า 8.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอินเทลปรับตัวลง 0.3%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 14% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิ่ง ทะยานขึ้น 9% หุ้นอาปาเช่ คอร์ป พุ่งขึ้น 7% หุ้นเซาท์เวสต์ เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 7.2% และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ดีดตัวขึ้น 6.8%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ