ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 1% ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาด
ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,195.36 จุด เพิ่มขึ้น 110.09 จุด หรือ 0.61%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้
โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ธนาคารมีกำไรพุ่งขึ้น 58% ในไตรมาส 3 โดยอยู่ที่ระดับ 4.88 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.82 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ธนาคารมีรายได้ 8.17 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.42 พันล้านดอลลาร์
โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า กำไร และรายได้ที่ทะยานขึ้นดังกล่าว ได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยน และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งพุ่งขึ้น 34%
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.27 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.53 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3
หากปรับค่าตามค่าตัดจำหน่ายทางบัญชี และรายการพิเศษ บริษัทจะมีกำไร 1.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 1.782 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.772 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ก็ได้เปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2014 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI จะดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายปี
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดในวันพรุ่งนี้ เพื่อพิจารณามุมมองของเฟดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ