ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 77.46 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.เดือนธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 3, 2016 06:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมปัดฝุ่นรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการคว้าชัยชนะของนางฮิลลารีในการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,959.64 จุด ลดลง 77.46 จุด หรือ -0.43% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,105.57 จุด ลดลง 48.01 จุด หรือ -0.93% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.94 จุด ลดลง 13.78 จุด หรือ -0.65%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลง โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงติดต่อกัน 7 วันทำการ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด ส่วนการจ้างงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดระบุว่าจะยังคงจับตาสิ่งบ่งชี้เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลก รวมทั้งพัฒนาการทางการเงินต่อไป

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันเริ่มตีตื้นขึ้นมานำแซงหน้านางฮิลลารี อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า FBI เตรียมรื้อฟื้นคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี

นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า หากผลสำรวจคะแนนนิยมของนายทรัมป์ พุ่งแตะระดับ 50% ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลง 4-5% และหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ก็จะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลงถึง 10-11%

อย่างไรก็ดี แบบจำลองการคาดการณ์ของหลายสำนัก ยังคงให้นางฮิลลารีเป็นตัวเก็งที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยแบบจำลองการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยพรินส์ตันให้นางฮิลลารีมีโอกาสชนะมากถึง 97% ส่วนของนิวยอร์กไทม์สให้ความเป็นไปได้ถึง 88% และ FiveThirtyEight.com ให้นางฮิลลารีมีโอกาสชนะ 71%

ขณะที่แบบจำลองคาดการณ์ของมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ระบุว่า นางฮิลลารีจะกวาดคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งได้ถึง 332 เสียง ขณะที่นายทรัมป์ จะได้เพียง 206 เสียง โดยผู้ที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง จะต้องได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อย 270 เสียง

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงอีกเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอส หุ้นมาราธอน ออยล์ และหุ้นเซมพรา เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงกว่า 4%

หุ้นอาลีบาบา ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.อยู่ที่ระดับ 2.97 หยวน/หุ้น หรือ 0.45 เซนต์/หุ้น ลดลง 67% เมื่อเทียบกับระดับ 8.87 หยวน/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หุ้นแวเลียนท์ ฟาร์มาซูติคัล อินเตอร์เนชั่นแนล ดิ่งลง 12% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทกำลังเจรจาขายกิจการซาลิกซ์ ฟาร์มาร์ซูติคัล ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ให้กับบริษัท ทาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียว (TSE) ประกาศระงับการซื้อขายหุ้นทาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล เมื่อวานนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.8% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ

ส่วนหุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ 7.17 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.2% จากระดับ 6.56 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก Suicide Squad ซึ่งเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่สร้างรายได้ถล่มทลาย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 147,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และเป็นระดับย่ำแย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 166,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% จากเดิมที่ระดับ 5.0%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ