ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 88.76 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง,ดอลล์อ่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 22, 2016 06:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีได้ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกือบ 4% หลังจากรัสเซียประกาศความพร้อมที่จะร่วมมือในการตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,956.69 จุด เพิ่มขึ้น 88.76 จุด หรือ +0.47% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,368.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.35 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,198.18 จุด เพิ่มขึ้น 16.28 จุด หรือ +0.75%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ NASDAQ ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ภายหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวนอกรอบการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ครั้งที่ 24 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียพร้อมที่จะตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออกสหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 101 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2003 ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 5.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 6% และหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 6.2%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.1% หุ้น PayPal ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้น Amazon.com ปรับขึ้น 2.6%

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 14.5% หลังจากบริษัทรายงานกำไรรายไตรมาสที่ต่ำกว่าคาด และคาดการณ์กำไรในปีหน้าที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ ไทสัน ฟู้ดส์รายงานว่า ยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัทที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค.ดิ่งลง 12.8% สู่ระดับ 9.16 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกับคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีกำไร 4.70-4.85 ดอลลาร์/หุ้นในปีงบการเงินที่สิ้นสุดเดือนก.ย.2017 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.98 ดอลลาร์/หุ้น

นักลงทุนจับตาประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดที่ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเผชิญกับความเสี่ยง หากเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย. จาก Markit, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ