ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 76.42 จุด หลังราคาน้ำมันร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 10, 2017 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกือบ 4% ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มกลุ่มสุขภาพ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และแบงก์ ออฟ อเมริกา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,887.38 จุด ลดลง 76.42 จุด หรือ -0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,268.90 จุด ลดลง 8.08 จุด หรือ -0.35% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,531.82 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ +0.19%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 3.8% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า การที่สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต

ทั้งนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน

ด้านนักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 850-875 แท่นในปลายปีนี้

ราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักนั้น ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเซาเทิร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.9% หุ้นแรนจ์ รีซอสเซส ดิ่งลง 4.3% และหุ้นเดวอง เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.3%

หุ้นแมคโดนัลด์ ปรับตัวลง 0.3% หลังจากบริษัทประกาศขายหุ้น 80% ของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ให้แก่กลุ่มบริษัทที่นำโดยซิติก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีน ในข้อตกลงวงเงิน 2.1 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสุขภาพ โดยหุ้นเมอร์ริแมค ฟาร์มาซูติคอล พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทตัดขายสินทรัพย์บางส่วน ซึ่งรวมถึงธุรกิจยารักษาโรคมะเร็งตับอ่อน ให้กับบริษัทอินเพน เอสเอ ซึ่งเป็นบริษัทยาของฝรั่งเศส ในวงเงินสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่หุ้นเซอร์จิคอล แคร์ พุ่งขึ้น 16.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ได้ตกลงซื้อกิจการเซอร์จิคอล แคร์ มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ปรับตัวลง 0.3%

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และแบงก์ ออฟ อเมริกา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ