ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สี่ติดต่อกันในวันศุกร์ (10 ก.พ.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากข้อมูลนำเข้า-ส่งออกของจีนที่ออกมาดีเกินคาดในเดือนที่แล้ว ได้ช่วยดันราคาโลหะให้ปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 29.25 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 7,258.75 จุดในวันศุกร์ และเพิ่มขึ้น 1% ตลอดทั้งสัปดาห์
หุ้นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่พุ่งแรง หลังราคาโลหะดีดตัว เพราะได้อานิสงส์จากการเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนธ.ค.ของจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่ของโลก การที่ข้อมูลจีนออกมาดีนั้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจขยายตัวดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นผลดีต่อภาคสินค้าโภคภัณฑ์
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ขยายตัว 15.9% เทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 25.2%
ส่วนมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 2.18 ล้านล้านหยวน (ราว 4.822 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 19.6% เทียบรายปี
ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนม.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 3.5453 แสนล้านหยวน ลดลง 2.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างปรับตัวขึ้นคึกคัก นำโดยริโอ ทินโต บวก 5.77% แองโกล อเมริกัน บวก 4.4% อันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 3.53% เกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 2.77% และบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 2.39%
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วง 2.96% หลังบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท มี้ด จอห์นสัน ผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็ก ในวงเงิน 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 90 ดอลลาร์ สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยบริษัทหวังว่าการเข้าซื้อธุรกิจมี้ด จอห์นสัน จะช่วยให้เรกคิทท์ เบนคีเซอร์สามารถรุกคืบขยายธุรกิจในจีน
ทั้งนี้ เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ เป็นเจ้าของแบรนด์ถุงยางอนามัย Durex และสเปรย์ทำความสะอาด Lysol ขณะที่มี้ด จอห์นสันเป็นผู้ผลิตนมผงเด็ก Enfamil
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษที่มีการเปิดเผยวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหราชอาณาจักรในเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 1.089 หมื่นล้านปอนด์ จากระดับ 1.155 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนพ.ย.
ตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนธ.ค.ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.150 หมื่นล้านปอนด์
นอกจากนี้ ONS ยังเปิดเผยในวันเดียวกันว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 1.1% ในเดือนธ.ค. และเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558