ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 เม.ย.) เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัท IBM และการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมัน ได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขาย ก่อนที่การเลือกตั้งของฝรั่งเศสจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลียังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,404.49 จุด ร่วงลง 118.79 จุด หรือ -0.58% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,338.17 จุด ลดลง 4.02 จุด หรือ -0.17% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,863.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด หรือ +0.23%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) เปิดเผยยอดขายลดลงติดต่อกัน 20 ไตรมาส โดยหุ้น IBM ปิดตลาดร่วงลง 4.9%
นักวิเคราะห์จากโอ๊คบุ๊ค อินเวสต์เมนท์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า IBM เป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถชี้วัดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดังนั้น ยอดขายของ IBM ที่ปรับตัวลงยาวนานถึง 20 ไตรมาสเช่นนี้ ย่อมสร้างความหวั่นวิตกและส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด
หุ้นยาฮูร่วงลง 1.2% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด พร้อมกับเปิดเผยว่า การขายกิจการด้านอินเตอร์เน็ตให้กับบริษัทเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่นนั้น คาดว่าจะปิดดีลได้ในเดือนมิ.ย.ปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นเชฟรอนที่ปรับตัวลง 1.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างหนักถึง 3.8% ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5.15 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.31 ดอลลาร์ โดยผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์ ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงจากการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงิน รวมทั้งการลดลงของค่าธรรมเนียม และค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายหุ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อยู่ในระดับสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่ากำไรพุ่งขึ้น 74% ในไตรมาส 1 โดยได้ปัจจัยบวกจากกำไรจากการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 1 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 88 เซนต์/หุ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อการเคลื่อนไหวในตลาดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลางในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเพิ่มแรงกดดันต่อการขยายตัวของค่าแรง ส่วนภาคการผลิตยังคงขยายตัวในอัตราเล็กน้อยและปานกลาง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน
ด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 1.8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการและภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.โดยมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสในวันที่ 23 เม.ย.นี้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด หลังจากนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น ได้ออกมาประณามเกาหลีเหนือว่าเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดและเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพในเอเชีย พร้อมให้คำมั่นว่า สหรัฐจะตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหารที่รุนแรงและมีประสิทธิภาพ หากประเทศพันธมิตรถูกโจมตี