ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวทะลุระดับ 21,000 จุด ขณะที่ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในคืนนี้
ณ เวลา 20.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,005.35 จุด เพิ่มขึ้น 14.64 จุด หรือ 0.06% ใกล้แตะระดับ 21,169.11 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หากดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้
หุ้นกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่น เป๊ปซี่โค, ยูไนเต็ด เทคโนโลยี, พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และทวิตเตอร์ที่ดีกว่าคาด ก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า มาตรการปรับลดภาษีที่จะมีการประกาศในวันนี้ จะเป็นการปรับลดภาษีและปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
นายมนูชินกล่าวว่า ธุรกิจรายย่อยจะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%
นอกจากนี้ นายมนูชินกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามปฏิรูปภาษีให้มีความเรียบง่ายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขากล่าวว่า การปฏิรูปภาษีจะถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในอันดับสูงสุดของสภาคองเกรส และสมาชิกรัฐสภาทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว โดยรัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงพื้นฐานกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับเป้าหมายของการปฏิรูปภาษี
ขณะเดียวกัน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถขยายตัวสู่ระดับ 3% ต่อปี
ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายแกรี โคห์น ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ จะจัดแถลงข่าวร่วมกันที่ทำเนียบขาวในวันนี้ เวลา 13.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้ เวลา 00.30 น.ตามเวลาไทย เพื่อเปิดเผยถึงรายละเอียดของมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
"เราจะมีการประกาศข่าวใหญ่ในวันพุธเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี ซึ่งกระบวนการนี้ได้ดำเนินมานานแล้ว แต่จะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันพุธ" ปธน.ทรัมป์กล่าวที่กระทรวงการคลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และเสนอให้มีการปรับลดภาษีกำไรที่บริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐ ลงสู่ระดับ 10% จากปัจจุบันที่ระดับ 35%
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังเสนอให้มีการเพิ่มวงเงินการหักลดหย่อนที่ผู้เสียภาษีสามารถระบุในแบบฟอร์มการชำระภาษี
อย่างไรก็ดี นายโรบิน บูว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ The Economist Intelligence Unit (EIU) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย แสดงความไม่เชื่อมั่นว่าข้อเสนอในการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
"ปธน.ทรัมป์จะไม่สามารถดำเนินการปรับลดภาษีได้ในระยะยาว ซึ่งตามที่เราเข้าใจก็คือ มาตรการปรับลดภาษีนี้ไม่มีแหล่งรายได้ที่จะสนับสนุนงบประมาณของรัฐบาล โดยรัฐบาลคาดการณ์เองว่าจะมีรายได้ชดเชยจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น" นายบูว์กล่าว
นายบูว์กล่าวว่า การคาดการณ์ของรัฐบาลไม่มีแนวโน้มจะเป็นจริง เพราะผลบวกจากการปรับลดภาษีเช่นนี้จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับลดภาษีจะทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปี