ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่าบรรดาแกนนำในสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณบริหารประเทศจนสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันในวันที่ 30 ก.ย. โดยคาดว่าทางสภาคองเกรสจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวในสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีทยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ หลังจากที่การประกาศผลประกอบการของบริษัทต่างๆในช่วงที่ผ่านมามากกว่า 75% มีกำไรมากเกินคาด ขณะที่ราว 70% มียอดขายมากเกินคาด
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,945.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.49 จุด หรือ 0.02%
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีสถิติที่ดีในการซื้อขายในเดือนพ.ค. โดยเมื่อพิจารณาทั้งเดือน พบว่าตลาดวอลล์สตรีทยังไม่เคยปรับตัวลงในเดือนพ.ค. นับตั้งแต่ปี 2012
ทั้งนี้ บรรดาแกนนำในสภาคองเกรสได้บรรลุข้อตกลงสำหรับช่วงที่เหลือของปีงบประมาณปัจจุบัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยินยอมที่จะไม่ของบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ขณะที่พรรคเดโมแครตระบุว่า จะไม่มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการตั้งกองกำลังที่จะเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่มีการปรับลดงบประมาณสำหรับเมืองที่เป็น sanctuary cities หรือเมืองซึ่งให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพผิดกฎหมาย
ข้อตกลงยังรวมถึงการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ปธน.ทรัมป์เสนอที่ระดับ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีการตัดงบประมาณด้านการรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดนสู่ระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 3 พันล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลทรัมป์ร้องขอ
มีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเมื่อวานนี้ หลังการเจรจาระหว่างบรรดาแกนนำของพรรคเดโมแดรตและรีพับลิกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าสภาคองเกรสจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงคะแนนเสียงท่วมท้น 382-30 เสียง อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการใช้จ่ายต่อไปอีก 1 สัปดาห์จนถึงวันที่ 5 พ.ค. ขณะที่วุฒิสภาก็ได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน
หากสภาคองเกรสไม่ได้ให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวภายในเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ก็จะส่งผลให้มีการปลดข้าราชการจำนวนหลายล้านคนเป็นการชั่วคราว และปิดหน่วยงานของรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดงบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน
รัฐบาลและสภาคองเกรสหวังว่าการขยายเส้นตายจะช่วยให้มีเวลามากขึ้นในการเจรจากับพรรคเดโมแครตเพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณระยะยาวที่จะทำให้รัฐบาลมีเงินทุนบริหารประเทศจนสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันในวันที่ 30 ก.ย. และหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยเผชิญกับภาวะดังกล่าวในปี 2013 ซึ่งส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นเวลา 17 วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจต่อการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและวันพุธนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่จะจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้