ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 22.81 จุด วิตกข่าว "ทรัมป์" ปลดผู้อำนวยการ FBI

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 13, 2017 06:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) เนื่องจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) พ้นจากตำแหน่ง ได้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเกี่ยวกับแผนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,896.61 จุด ลดลง 22.81 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,390.90 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,121.23 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.09%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนวิตกว่าการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ปธน.ทรัมป์ได้สัญญาไว้ จะไม่มีความคืบหน้าตามแผน เนื่องจากเขาจะเกิดความขัดแย้งกับสภาคองเกรส หลังจากที่ปลดนายโคมีย์

นายโคมีย์เป็นผู้รื้อคดีอีเมลฉาวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงจากพรรคเดโมแครต โดยได้ดำเนินการตรวจสอบอีเมลส่วนตัวที่นางฮิลลารีรับและส่งข้อความในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศสหรัฐ แต่ท้ายที่สุด นายโคมีย์สรุปว่า นางฮิลลารีไม่มีความผิดทางคดีอาญา

นอกจากนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นายเจมส์ โคมีย์ กล่าวว่า FBI ไม่พบหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ว่า อดีตปธน.บารัค โอบามา เป็นผู้ออกคำสั่งให้มีการดักฟังโทรศัพท์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ภายในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ที่นครนิวยอร์ก ในช่วงการหาเสียงเมื่อปี 2559 แม้ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันว่า โอบามาได้สั่งการให้ทำการดักฟังโทรศัพท์เพื่อสอดแนมข้อมูลของเขา

ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ดีดตัวขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากความหวังที่ว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการผ่อนคลายกฎระเบียบ, ปฏิรูปภาษี และทำการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) บวก 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากร่วงลง 0.3% ในเดือนมี.ค.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ในตลาด

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. และร่วงลง 0.3% ในเดือนก.พ.

ยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทรถยนต์ ขณะที่ยอดขายในห้างสรรพสินค้าร่วงลง

ยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย.

หุ้นบริษัทค้าปลีกยังคงได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ซบเซา โดยหุ้นเจซี เพนนีร่วงลง 13.99% ขณะที่หุ้นเมซีส์ลดลง 3.04%

หุ้นเจเนอรัลอิเล็กทริก ลดลง 2.1% หลังจากดอยซ์แบงก์ปรับลดความน่าเชื่อถือของหุ้นสู่ระดับขาย เนื่องจากกังวลถือคุณภาพของผลประกอบการ

ตลอดสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.5% ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.4% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 0.3% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่ 4


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ