ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทโฮม ดีโปท์
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ยังคงพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ต่อเนื่องจากวานนี้
ณ เวลา 21.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,019.56 จุด เพิ่มขึ้น 37.62 จุด หรือ 0.18%
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโฮม ดีโปท์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
โฮม ดีโปท์ อิงค์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.67 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.62 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 2.389 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.374 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 5.5% เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.0%
นักลงทุนปรับตัวรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยข้อมูลความลับแก่เจ้าหน้าที่รัสเซียในสัปดาห์ที่แล้ว
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ โดยกล่าวปกป้องการที่เขาได้แบ่งปันข้อมูลความลับกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาแบ่งปันข่าวกรองดังกล่าวกับทางรัสเซีย อันเนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรม และเขาต้องการให้รัสเซียดำเนินการมากขึ้นในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)
สื่อรายงานก่อนหน้านี้ว่า ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายข่าวกรองเกี่ยวกับกลุ่ม ISIS ขณะที่พบปะกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายเซอร์เก คิซยัค ทูตรัสเซียประจำสหรัฐ ที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนในการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงสวนทางคาดการณ์ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว
ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลง 2.6% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 1.20 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.26 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.
การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นในเดือนเม.ย. ได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ที่ทะยานขึ้น 5.0% หลังจากร่วงลง 3.6% ในเดือนมี.ค.
การผลิตภาคเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนเม.ย. ขณะที่การผลิตในภาคสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 0.7%
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการประเมินผลผลิตในภาคการผลิต ภาคสาธารณูปโภค และภาคเหมืองแร่ของสหรัฐ