ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) ด้วยแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินปอนด์ ก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักรวันนี้ นอกจากนี้ตลาดยังรับปัจจัยลบจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกันถ้วนหน้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 46.33 จุด หรือ -0.62% ปิดที่ 7,478.62 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 0.4% ในระหว่างวัน ก่อนจะร่วงลงจากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก โดยค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับ 1.2960 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2912 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์ก และพุ่งแตะ 1.1515 ยูโร จากระดับ 1.1449 ยูโร ในคืนวันอังคาร ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ในต่างประเทศของบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายเพื่อจับตาดูการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษที่จะเปิดคูหาในวันนี้ รวมถึงการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และแนวโน้มของการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นักวิเคราะห์จากไอรอนเอฟเอ็กซ์ กล่าวว่า "เวลานี้ตลาดกำลังให้ความสนใจว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ จะสามารถกวาดที่นั่งในสภาสามัญชนได้มากเพียงใด นอกจากนี้ยังจับตาดูว่า ECB จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินอย่างไร รวมถึงดูว่านายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จะให้การโดยยืนยันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้อิทธิพลแทรกแซงกระบวนการสืบสวนของ FBI หรือไม่"
ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ สืบเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง โดยหุ้นบีพี ลดลง 1.7% ในขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ลดลง 1%
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น หลังฮาลิแฟกซ์เปิดเผยรายงานว่า ราคาบ้านในช่วง 3 เดือนสิ้นสุด ณ เดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นเพอร์ซิมมอน พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ขยับขึ้น 0.8%