ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 62.60 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและไนกี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 1, 2017 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายในไตรมาส 2 ด้วยแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมถึงรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างไนกี้ โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ทำสถิติปรับตัวแข็งแกร่งที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกนับตั้งแต่ปี 2556

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,349.63 จุด เพิ่มขึ้น 62.60 จุด หรือ +0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,140.42 จุด ลดลง 3.93 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,423.41 จุด เพิ่มขึ้น 3.71 จุด หรือ +0.15%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้ง 34 แห่ง สามารถเดินหน้าแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืนได้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนบางส่วนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้ ซึ่งเป็นแบรนด์กีฬาชั้นนำของโลก ภายหลังจากบริษัทรายงานผลกำไรประจำไตรมาส 4 ที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ บริษัทไนกี้ยังยืนยันว่าได้บรรลุข้อตกลงในการจัดจำหน่ายรองเท้าผ่านทางอเมซอน โดยรายงานข่าวดังกล่าวได้หนุนหุ้นไนกี้ อิงค์ พุ่งขึ้น 11% เมื่อคืนนี้

หุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าจับตา หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ขยับลง 0.3% แม้มีรายงานข่าวว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนและอภิมหาเศรษฐีชั้นนำของโลก ได้ทำการซื้อหุ้นจำนวน 700 ล้านหุ้นในธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ซึ่งส่งผลให้นายบัฟเฟตต์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในธนาคารดังกล่าวก็ตาม

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ทั้งในเดือนมี.ค.และเดือนเม.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.

ส่วนอัตราการออมของผู้บริโภคสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1%

ส่วนมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 95.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 97.1 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 94.5

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ