ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) ด้วยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่จีนซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคแร่โลหะรายใหญ่ของโลก เปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวดีกว่าระดับคาดการณ์ของตลาด
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 25.74 จุด หรือ +0.35% แตะที่ 7,404.13 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ภายหลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งขยายตัว 6.9% ในไตรมาส 2/2560 สูงกว่าระดับคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 6.8% ทั้งนี้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่มีความอ่อนไหวต่อข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้บริโภคแร่โลหะสำหรับอุตสาหกรรมและแร่โลหะมีค่ารายใหญ่ของโลก
หุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.7% หุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 1.2%
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นไอทีวี พุ่งขึ้น 1.3% หลังเครือข่ายสถานีโทรทัศน์สหราชอาณาจักรรายนี้ได้ประกาศแต่งตั้งนางแคโรลีน แมคคอลล์ ผู้บริหารสายการบินอีซี่เจ็ท ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของไอทีวี
ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ท ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังสายการบินเปิดเผยว่าได้เริ่มมองหาผู้สืบทอดตำแหน่งของนางแมคคอลล์แล้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของอังกฤษนั้น อังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) ได้จัดการเจรจารอบที่ 2 ในประเด็นที่อังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของ EU ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ โดยนายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit จะเจรจาร่วมกับนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU เป็นเวลา 4 วัน เพื่อหาข้อยุติประเด็นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับ Brexit
การเจรจาครั้งนี้จะมุ่งเน้นในประเด็นสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับการถอนตัวของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงสิทธิของพลเมือง, ร่างกฎหมายการออกจากการเป็นสมาชิก EU ของอังกฤษ และประเด็นชายแดนในไอร์แลนด์เหนือ โดยทาง EU เรียกร้องให้อังกฤษจ่ายเงิน 6 หมื่นล้านยูโร หรือ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นค่าธรรมเนียมในการถอนตัวออกจาก EU