ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 11.77 จุด หลัง "เยลเลน" พูดชัดเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 27, 2017 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมายืนยันว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ทิศทางเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอนก็ตาม โดยถ้อยแถลงล่าสุดของนางเยลเลนส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,284.32 จุด ลดลง 11.77 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,496.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,380.16 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด หรือ +0.15%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยปัจจัยล่าสุดที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์ดังกล่าวนั้น มาจากการที่นางเยลเลน ประธานเฟดได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอเมื่อวานนี้ว่า ถึงแม้เงินเฟ้อยังอยู่ในทิศทางที่ไม่แน่นอน แต่ก็จะเป็นการไม่เหมาะสมที่เฟดจะคงนโยบายการเงินไว้จนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%

"แม้ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเงินเฟ้อจนทำให้เฟดต้องหันเหออกจากแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เฟดก็จำเป็นต้องเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ดังกล่าว" เยลเลนกล่าว

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 78% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 40% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐได้มีการ "เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่" ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อเกาหลีเหนือ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น เพื่อรับมือกับประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด โดยรายงานล่าสุดระบุว่าบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสประกาศว่า วุฒิสภาจะไม่จัดการลงมติต่อร่างกฎหมาย "คาสซิดี-เกรแฮม" เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน 3 คนแสดงการคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งได้แก่ นางซูซาน คอลลินส์, นายจอห์น แมคเคน และนายแรนด์ พอล

ทั้งนี้ การที่วุฒิสภาไม่จัดการลงมติต่อร่างกฎหมายคาสซิดี-เกรแฮมเมื่อวานนี้ ได้ส่งผลให้สภาคองเกรสไม่มีโอกาสที่จะปฏิรูปกฎหมายประกันสุขภาพในปีนี้ เนื่องจากหลังจากนี้ สภาคองเกรสจะหันหน้ามาพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษี

ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐเมื่อคืนนี้ด้วย ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ร่วงลง 3.4% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 560,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลง สู่ระดับ 119.8 ในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น 0.4% นำโดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.7%

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2560, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ