ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 28.10 จุด หลังนักลงทุนซึมซับข่าวสภาคองเกรสไฟเขียวร่างกม.ภาษี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 21, 2017 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากนักลงทุนได้ซึมซับรายงานข่าวที่ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2560 ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,726.65 จุด ลดลง 28.10 จุด หรือ -0.11% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,960.96 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,679.25 จุด ลดลง 2.22 จุด หรือ -0.08%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201 เสียง ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า

เคร็ก เออร์แลม นักวิเคราะห์จากบริษัทออนด้ากล่าวว่า "แม้ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นกว่า 25% นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษี แต่ภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ส่วนสถานการณ์หลังจากนี้คือการจับตาดูว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะส่งผลกระทบในด้านบวกต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมากน้อยเพียงใด"

ทางด้านปธน.ทรัมป์ได้กล่าวแสดงความเห็นหลังจากดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแม้สภาคองเกรสไฟเขียวร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี ว่า ตลาดการเงินยังไม่ได้ปรับตัวรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดยังไม่ได้เริ่มตระหนักว่ามาตรการภาษีเหล่านี้ดีอย่างไร

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทเลคอมปรับตัวขึ้น 0.6% จากมุมมองที่ว่ากลุ่มบริษัทเทเลคอมจะได้รับประโยชน์จากมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บรรจุอยู่ในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี โดยหุ้นเอทีแอนด์ทีปิตดลาดพุ่งขึ้น 1.3%

ดัชนีหุ้นกลุ่มขนส่งดีดตัวขึ้น 0.9% โดยหุ้นแรงหนุนจากราคาหุ้นเฟดเอ็กซ์ที่พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งถูกมองว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่ได้รับประโยชน์น้อยที่สุดจากมาตรการปฏิรูปภาษีนั้น ปรับตัวลง 0.1% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.4% นำโดยหุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งร่วงลง 2.5%

นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP ประจำไตรมาส 3/2560 ในวันนี้ ส่วนการประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งได้เปิดเผยไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า GDP ขยายตัวที่ระดับ 3.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 3.0%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.81 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 หลังจากพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาเริ่มฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ