ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาในการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2560 อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นส่วนทางตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค และยังคงทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.36 จุด หรือ -0.09% ปิดที่ 389.18 จุด อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งปี 2560 ดัชนีปรับตัวขึ้น 7.7% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันศุกร์ที่ 5,312.56 จุด ลดลง 26.86 หรือ -0.50% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,917.64 จุด ลดลง 62.30 จุด หรือ -0.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,687.77 จุด เพิ่มขึ้น 64.89 หรือ +0.85%
สำหรับตลอดทั้งปี 2560 ดัชนี CAC-40 ปรับตัวขึ้น 9.3% ดัชนี DAX บวก 12.5% และดัชนี FTSE 100 บวก 7.6%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปปีนี้ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นนิวยอร์ก นอกจากนี้ ปี 2560 ถือเป็นปีที่ดีสำหรับหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาโลหะที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดหุ้นยุโรปโดยรวมจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ไม่ร้อนแรงเท่ากับตลาดต่างประเทศ ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งเป็นเพราะสกุลเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น การที่ยูโรแข็งค่าขึ้นส่งผลให้สินค้าจากยุโรปมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบริษัทส่งออกรายใหญ่หลายรายของยุโรป
เงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะ 1.2010 ดอลลาร์ในวันศุกร์ จาก 1.1943 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี และแข็งค่าขึ้น 14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปี 2560
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวในวันศุกร์ หุ้นเมอร์ค บริษัทยาเยอรมัน ลดลง 1.29% ตามด้วย BASF กลุ่มบริษัทเคมี ลดลง 1.19%
หุ้นบริษัทเหมืองแร่ปิดบวก นำโดยริโอ ทินโต +2.2%, บีเอชพี บิลลิตัน +1.5% และเฟรสนิลโล +2.8% โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นตามทิศทางราคาโลหะ อย่างเช่น ทองแดง ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและปิดวันพฤหัสบดีที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 แม้ราคาจะอ่อนแรงลงในวันศุกร์ก็ตาม
ในส่วนของปีหน้านั้น นักวิเคราะห์มีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นยุโรปในปี 2561 โดยคาดว่ากิจกรรมที่สดใสในภาคธุรกิจจะสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตและการประเมินมูลค่าหุ้น