ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งมีการรายงานผลประกอบการแล้วนั้น บริษัทจำนวน 69% รายงานตัวเลขกำไร/หุ้นสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 85% รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าคาด
ณ เวลา 21.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,885.17 จุด บวก 92.31 จุด หรือ 0.36% หลังจากทะยานขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงเปิดตลาด
แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารมีกำไร 47 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 44 เซนต์/หุ้น อย่างไรก็ดี ธนาคารมีรายได้ 2.14 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารมีกำไรที่ระดับ 5.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.91 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 7.83 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.61 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง หลังธนาคารระบุว่า มูลค่าการซื้อขายในธุรกิจตราสารหนี้, สินค้าโภคภัณฑ์ และปริวรรตเงินตรา ดิ่งลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้
ผลการสำรวจของ Investors Intelligence (II) พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนระดับมืออาชีพพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะทรุดตัวลงครั้งใหญ่ในปี 2530
ทั้งนี้ จำนวนนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมองว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นต่อไป ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 66.7% ในการสำรวจล่าสุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2529
นอกจากนี้ จำนวนนักลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้น ลดลงสู่ระดับ 12.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2529
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
เจ้าหน้าที่เฟดที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์
ขณะเดียวกัน เฟดรายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในการทำความร้อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 8.2% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2553
นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.8% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งจะต้องอนุมัติงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลภายในเส้นตายวันศุกร์นี้ มิฉะนั้นหน่วยงานของรัฐบาลจะถูกปิด เนื่องจากขาดงบประมาณในการดำเนินงาน