ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดปิดในแดนลบติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยหุ้นกลุ่มประกันนำตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 376.88 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,345.56 จุด เพิ่มขึ้น 107.82 จุด หรือ +0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด หรือ +0.10% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,267.26 จุด เพิ่มขึ้น 33.90 จุด หรือ +0.65%
นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มประกันที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอสซีคูราซิโอนี เจเนอราลี ซึ่งเป็นบริษัทประกันของอิตาลี พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทประกาศปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลประจำปีงบการเงิน 2560 ให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีงบการเงินดังกล่าว
หุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสโก้ขึ้นสู่ระดับ "overweight "
หุ้นสไปแร็กซ์-ซาร์โค เอ็นจิเนียริง ทะยานขึ้น 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
อย่างไรก็ตาม ยูนิลีเวอร์ร่วงลง 1.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการผนวกรวมสำนักงานใหญ่ 2 แห่งในเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ แทนที่จะดำเนินการดังกล่าวในกรุงลอนดอน โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นแม้รัฐบาลอังกฤษยืนยันว่า การแยกตัวออกจาสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม
หุ้น H&M Hennes & Mauritz ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่น ร่วงลง 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานชะลอลงแตะ 0.8% เทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค.