(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 424.69 จุด วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีนกระทบศก.โลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 26, 2018 06:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งสูงสุดรอบ 8 เดือน รวมถึงการที่สหรัฐเลี่ยงชัตดาวน์ครั้งที่ 3 ในปีนี้ได้ หลังปธน.ทรัมป์ลงนามร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 424.69 จุด หรือ -1.77 ปิดที่ 23,533.20 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในปีนี้ ดัชนี S&P500 ลดลง 55.43 จุด หรือ -2.10% ปิดที่ 2,588.26 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 174.01 จุด หรือ -2.43% ปิดที่ 6,992.67 จุด

สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 5.7% ดัชนี S&P 500 ร่วง 6% และ Nasdaq ดิ่งลง 6.5% นับเป็นสัปดาห์ที่ทั้งสามดัชนีร่วงหนักสุดในรอบกว่าสองปี

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่นักลงทุนกระหน่ำเทขายจนส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงไปกว่า 700 จุด ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ ด้านรัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 128 รายการ

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้บดบังปัจจัยอื่นๆในตลาด โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ภายหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 32 และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 256 ต่อ 167

หากปธน.ทรัมป์ไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันเสาร์เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการเร่งรีบอนุมัติร่างงบประมาณซึ่งมีรายละเอียดมากกว่า 2,200 หน้า แต่เพิ่งมีการแจกจ่ายเมื่อวันพุธ พร้อมกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลงนามในร่างกฎหมายแบบนี้อีกต่อไป

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากร่วงลง 3.5% ในเดือนม.ค.

การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากร่วงลง 0.4% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 7.4% ในเดือนก.พ.

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในก.พ. โดยร่วงลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 618,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 622,000 ยูนิตในเดือนม.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 4.4% สู่ระดับ 623,000 ยูนิตในเดือนก.พ.

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.

สำหรับหุ้นลบวานนี้ นำโดยหุ้น 3M ที่ร่วงลง 3.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วง 3.5%

ด้านหุ้นดรอปบ็อกซ์ ทะยาน 35% ในการซื้อขายวันแรกในตลาด หุ้นไนกี้ บวก 0.3% หลังบริษัทเผยรายได้จากการขายสูงเกินคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ