ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 458.92 จุด วิตกสงครามการค้า,หุ้นเทคโนฯดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 3, 2018 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดจีนได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวนมากกว่า 100 รายการ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,644.19 จุด ร่วงลง 458.92 จุด หรือ -1.90% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.88 จุด ลดลง 58.99 จุด หรือ -2.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,870.12 จุด ลดลง 193.33 จุด หรือ -2.74%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆจากสหรัฐ จำนวน 128 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลไม้ โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมู ในอัตรา 25% เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่า จีนดำเนินนโยบายการค้าและการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.4% หุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลง 3% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.7% หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 6.1% หุ้นอเมซอน ร่วงลง 5.9% และหุ้นเทสลา ร่วงลง 5.1%

ทั้งนี้ หุ้นอเมซอนร่วงลงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมากล่าวโจมตีบริษัทอเมซอนว่า เอาเปรียบการไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) และเป็นสาเหตุที่ทำให้การไปรษณีสหรัฐขาดทุนจำนวนมาก โดยการโจมตีบริษัทค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ครั้งนี้มีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ก็ได้ทวีตโจมตีอเมซอนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าการขนส่งสินค้าของอเมซอนส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกและรัฐบาลท้องถิ่น

หุ้นเทสลาร่วงลงหลังจากทางบริษัทได้ออกมายอมรับว่า รถยนต์รุ่นเทสลา โมเดล เอ็กซ์ ที่ประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับแนวกั้นถนนและรถอีก 2 คันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ชายผู้ขับขี่วัย 38 ปีเสียชีวิตนั้น วิ่งอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ

หุ้นอินเทลดิ่งลงหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ กำลังเริ่มเตรียมผลิตคอมพิวเตอร์พีซี "Mac" โดยใช้ชิปที่ทางบริษัทผลิตขึ้นเอง นอกจากนี้ ราคาหุ้นอินเทลยังได้รับแรงกดดันจากการที่จีนประกาศเรียเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 100 รายการจากสหรัฐ โดย 24% ของชิปที่อินเทลผลิตนั้น ได้ถูกนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศจีนและฮ่องกง

หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ต ร่วงลง 5.1% หลังจากหนังสือพิมพ์ Les Echos ของฝรั่งเศสรายงานว่า เน็ตฟลิกซ์ กำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการของ ยูโรปาคอร์ป บริษัทผลิตภาพยนตร์จากฝรั่งเศส โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในธุรกิจให้บริการสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ต

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 1.8% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.6% หุ้นเชซาพีค เอเนอร์จี ร่วงลง 1.6% หุ้นมาราธอน ออยล์ ดิ่งลง 3.4%

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 59.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวสู่ระดับ 60.0

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% โดยการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะดิ่งลง 2.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ส่วนการก่อสร้างในโครงการของรัฐบาลกลางดิ่งลง 11.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2547

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ