ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกเกือบ 100 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทฟื้นตัวคืนนี้ หลังดิ่งหนักเมื่อคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 3, 2018 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวกเกือบ 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้

ณ เวลา 17.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 96 จุด หรือ 0.41% สู่ระดับ 23,648 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดจีนได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวนมากกว่า 100 รายการ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล)

ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกของเดือนเม.ย. แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มพุ่งขึ้นในเดือนนี้ แม้ปรับตัวลงในไตรมาสแรก

ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นในเดือนม.ค. แต่ร่วงลงในเดือนก.พ.และมี.ค. ส่งผลให้ดัชนีดิ่งลง 1% ในไตรมาสแรก หลังจากที่ปรับตัวขึ้นทุกไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2558

นอกจากนี้ การร่วงลงของดัชนี S&P500 ในไตรมาสแรก ยังเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาการปรับตัวขึ้นติดต่อกันยาวนานที่สุดของไตรมาสแรกในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยดัชนี S&P500 สามารถดีดตัวขึ้นในไตรมาสแรกของทุกปีนับตั้งแต่ปี 2552 ยกเว้นในปีนี้

นายไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์อาวุโสของแอลพีแอล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า "ตามสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย."

เขากล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 สามารถปรับตัวขึ้นถึง 9 ครั้งในเดือนเม.ย. และหากพิจารณาย้อนกลับไปถึงปี 2493 ดัชนีบวกขึ้นเฉลี่ย 1.5% ในเดือนดังกล่าว ซึ่งมีเพียงเดือนพ.ย.และธ.ค.เท่านั้นที่ดัชนีทะยานขึ้นมากกว่าเดือนเม.ย.

นายเดทริกยังระบุว่า ปัจจัยทางเทคนิคยังบ่งชี้ว่าดัชนี S&P500 จะดีดตัวขึ้นในเดือนนี้

ขณะเดียวกัน กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเริ่มรายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกในวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งหากบริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนนี้

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในผู้ว่าการของเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ