ดาวโจนส์ดีดตัวต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งกว่า 200 จุด หุ้นขึ้นยกแผง "อเมซอน"ทะยานเมิน"ทรัมป์"ทวีตโจมตี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 3, 2018 22:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวจากที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนพากันส่งคำสั่งช้อนซื้อหุ้นเข้าตลาด หลังจากที่อยู่ในภาวะถูกเทขายมากเกินไปเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 22.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,875.68 จุด เพิ่มขึ้น 231.49 จุด หรือ 0.98%

หุ้นพุ่งขึ้นทุกกลุ่ม นำโดยกลุ่มการเงิน ขณะที่หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ทะยานขึ้นมากที่สุด

หุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล) ต่างพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงวานนี้

หุ้นอเมซอนทะยานขึ้น 1.46% แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 1 สัปดาห์ โจมตีบริษัทอเมซอนอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ว่า เอาเปรียบการไปรษณีย์สหรัฐ (USPS)

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า อเมซอนทำธุรกิจโดยได้รับประโยชน์จากเงินภาษีของชาวสหรัฐจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ จากการที่บริษัทส่งสินค้าผ่านทางการไปรษณีย์สหรัฐซึ่งคิดอัตราค่าส่งที่ต่ำ

"ผมพูดถูกเกี่ยวกับการที่อเมซอนทำให้การไปรษณีย์สหรัฐมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากการทำตัวเป็นเด็กส่งของให้อเมซอน โดยอเมซอนควรจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ซึ่งไม่ควรให้ชาวอเมริกันที่เสียภาษีต้องรับภาระจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า "การไปรษณีย์สหรัฐจะต้องขาดทุน 1.50 ดอลลาร์โดยเฉลี่ยของพัสดุแต่ละกล่องที่ถูกจัดส่งให้กับทางอเมซอน ซึ่งจะมียอดขาดทุนรวมสูงถึงนับพันล้านดอลลาร์ และหากการไปรษณีย์สหรัฐปรับขึ้นอัตราการให้บริการ ก็จะส่งผลทำให้ค่าขนส่งของทางอเมซอนสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์"

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ทวีตข้อความโจมตีอเมซอนก่อนหน้านี้ โดยกล่าวหาว่า การขนส่งสินค้าของอเมซอนส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกและรัฐบาลท้องถิ่น

ปธน.ทรัมป์ทวีตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า "ผมเคยแสดงความกังวลในเรื่องอเมซอนมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่าอเมซอนจ่ายภาษีน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ หรือไม่ได้เสียภาษีให้กับรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น อีกทั้งยังใช้ระบบบริการไปรษณีย์ของเราเหมือนเป็นเด็กส่งของของบริษัท (ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องเสียผลประโยชน์จำนวนมาก) และยังทำให้ผู้ค้าปลีกอีกหลายพันรายต้องปิดตัวลง"

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในผู้ว่าการของเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ