ดาวโจนส์พุ่งเกือบ 400 จุด หุ้นกลุ่มรถยนต์วิ่งฉิว ขานรับผู้นำจีนส่งสัญญาณลดภาษีนำเข้ารถยนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 10, 2018 20:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งเกือบ 400 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงส่งสัญญาณว่าจีนพร้อมเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น และจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์

ณ เวลา 20.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,366.38 จุด เพิ่มขึ้น 387.28 จุด หรือ 1.62%

หุ้นทุกกลุ่มในตลาดต่างดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่หุ้นอินเทลทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

ราคาหุ้นกลุ่มรถยนต์ของสหรัฐพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับถ้อยแถลงของปธน.สี จิ้นผิง

ทั้งนี้ ราคาหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ดีดตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นเจเนรัล มอเตอร์ และเทสลาทะยานขึ้นเกือบ 2% ส่วนหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ปรับตัวขึ้น 2.2%

นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากที่ปธน.สี จิ้นผิง ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) โดยให้คำมั่นว่าจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีนำเข้าสินค้าอื่นๆบางประเภท รวมทั้งเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดจีน

นอกจากนี้ ปธน.สี จิ้นผิงยังได้ให้คำมั่นบนเวทีประชุม BFA ในวันนี้ว่า จีนจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งจะเพิ่มการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทต่างชาติ

ปธน.สี จิ้นผิงส่งสัญญาณการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความโจมตีจีนซึ่งเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ สูงกว่าที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากจีน

"เมื่อมีการส่งรถยนต์จากจีนเข้าสู่สหรัฐ สหรัฐเรียกเก็บภาษีเพียง 2.5% แต่เมื่อมีการส่งรถยนต์จากสหรัฐเข้าสู่จีน จีนเรียกเก็บภาษี 25% นี่เป็นการทำการค้าที่เสรีและยุติธรรมหรือไม่ ไม่ใช่แน่ มันเหมือนการทำการค้าที่โง่เง่า และสิ่งนี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ทั้งนี้ จีนเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์ส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นภาษีศุลกากร 10% และภาษีรถยนต์ 15% และหากเป็นรถยนต์หรูที่มีราคามากกว่า 1.3 ล้านหยวน (200,000 ดอลลาร์) ก็จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ.

การดีดตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 3.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% เช่นกันในเดือนก.พ.และม.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.พ.

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของเฟดในวันพรุ่งนี้ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เช่นกัน โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ