ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 64.10 จุดก่อนรู้ผลประชุมเฟด ขณะ S&P500,Nasdaq ปิดบวกรับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 2, 2018 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) จากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมจับตาสถานการณ์ด้านการค้าอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,099.05 จุด ลดลง 64.10 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,654.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.75 จุด หรือ +0.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,130.70 จุด เพิ่มขึ้น 64.44 จุด หรือ +0.91%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และจะปรับขึ้นในการประชุมเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสสูงขึ้นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญนั้น พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว และใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของเฟด

หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ ดิ่งลง 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดเช่นกัน โดยการร่วงลงของหุ้นทั้งสองตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ

หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 1.2% หลังจากโบอิ้งประกาศแผนซื้อกิจการบริษัทเคแอลเอ็กซ์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ขณะที่รายงานข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเคแอลเอ็กซ์ ปิดตลาดร่วงลง 8.6%

อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.3% ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ขณะที่หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.2% หุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้น 1% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวขึ้น 0.3%

ส่วนหุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของยุโรปที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันและการผลิตน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้และมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 1.7% ในเดือนมี.ค. หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.

ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ลดลงสู่ระดับ 57.3 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.3 ในเดือนมี.ค. ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.4

นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดในวันนี้แล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ