ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 306.33 จุด รับหุ้นพลังงานฟื้น,ตลาดคลายกังวลการเมืองอิตาลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 31, 2018 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากมีรายงานว่าพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีกำลังร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,667.78 จุด พุ่งขึ้น 306.33 จุด หรือ +1.26% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.01 จุด เพิ่มขึ้น 34.15 จุด หรือ +1.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,462.45 จุด เพิ่มขึ้น 65.86 จุด หรือ +0.89%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในอิตาลีเริ่มสัญญาณในด้านบวก หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีอย่างพรรค 5-Star Movement (M5S) และพรรค League ได้แสดงความตั้งใจที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปลดนายเปาโล ซาโวนา ออกจากรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เนื่องจากนายซาโวนามีแนวคิดที่จะนำอิตาลีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

นอกจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว นักลงทุนยังขานรับความสำเร็จในการออกพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอิตาลี โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลอิตาลีสามารถจำหน่ายพันธบัตรประเภทอายุ 5 ปี และ 10 ปี ในวงเงินรวม 5.57 พันล้านยูโร หรือประมาณ 6.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐบาล

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 3.1% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 5.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.5%

หุ้น Salesforce.com ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์การบริหารจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1 และยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561

หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1

ส่วนหุ้นไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 11% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดขายของบริษัท หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3%

ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 163,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 204,000 ตำแหน่ง นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ