ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 19.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 113 จุด หรือ 0.46% สู่ระดับ 24,530 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐทันที ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่าอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้า โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่การดิ่งลงของราคาน้ำมันได้ถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นกัน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 8 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.1% ในเดือนเม.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนมี.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนเม.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนพ.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 218,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 5,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ลดลงสู่ระดับ 62.7% จากระดับ 62.8% ในเดือนเม.ย.