ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 5.78 จุด นักลงทุนจับตาซัมมิต "ทรัมป์-คิม" วันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 12, 2018 06:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนไม่ได้วิตกกังวลมากนักต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการประชุมกลุ่ม G7 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ที่สิงคโปร์ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,322.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือ +0.02% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,782.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.97 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,659.93 จุด เพิ่มขึ้น 14.41 จุด หรือ +0.19%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนเมินความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการประชุมผู้นำกลุ่ม G7 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในการประชุมครั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ถูกชาติสมาชิกกลุ่ม G7 วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่ปธน.ทรัมป์ก็ตอบโต้ด้วยการไม่รับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำกลุ่ม G7 ในครั้งนี้

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยูไนเต็ด คอนทิเนนทัล โฮลดิ้งส์ และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.4% ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 1.5% และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ดีดตัวขึ้นกว่า 1%

หุ้นเซมพรา เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 15.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 หลังจากมีรายงานข่าวว่า กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้เรียกร้องให้ทางบริษัททบทวนและพิจารณารายชื่อคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของบริษัท

หุ้นเอทีแอนด์ที ปรับตัวขึ้น 1% ก่อนที่ศาลสหรัฐจะตัดสินในกรณีที่บริษัทเอทีแอนด์ทียื่นข้อเสนอควบรวมกิจการกับไทม์ วอร์เนอร์

หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์คีย์แบงก์ระบุว่า อิสตราแกรมจะผงาดขึ้นเป็นธุรกิจหลักที่สามารถขับเคลื่อนกิจการของเฟซบุ๊กในอนาคต

นักลงทุนยังคงเกาะติดการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยการประชุมจะจัดขึ้นในวันนี้ เวลา 09.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ หรือ 08.00 น.ตามเวลาไทย ที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การประชุมในช่วงแรกนั้น จะเป็นการประชุมส่วนตัวระหว่างปธน.ทรัมป์และนายคิม โดยแต่ละฝ่ายจะมีเพียงล่ามประจำตัว 1 คน หลังจากนั้น จะเป็นการประชุมวงใหญ่ซึ่งจะรวมถึงเจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่าย และตามด้วยการเลี้ยงอาหารกลางวันพร้อมกับการดำเนินการเจรจาในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคานำเข้า-ดัชนีราคาส่งออกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ